เกลี้ยงจานไปเสียแล้ว สำหรับออร์เดิร์ฟชุดใหญ่ในชื่อเมนู “ปรี-ซีซั่น” อันประกอบไปด้วย “เสือเหลืองร้องไห้”, “ซุปกิมจิ”, “ติ่มซำมังกรหยก”, “สลัดโบคา”, “ค้างคาวทอดกรอบ” และกลั้วคอด้วย “เบียร์ไทเกอร์” จากผลงานการปรุงอันกลมกล่อมของเชฟมือทอง “เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน” แห่งภัตตาคารอสูร
ปิดบัญชีการอุ่นแข้งเรียกน้ำย่อยของขุนพลปีศาจที่ 7 นัด ยิง 20 ประตู เสีย 7 ประตู
ช่วงออร์เดิร์ฟเช่นนี้ ถือเป็นโอกาสดีสำหรับการทดสอบวัตถุดิบใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น “ของดีนำเข้า” หรือ “ของสดปรุงใหม่” คลุกเคล้าร่วมกับ “ของเก่ารสจัดจ้าน” จึงไม่แปลกที่จะเห็นพ่อครัวใหญ่เลือกส่วนผสมไม่ซ้ำกันในแต่ละเมนู ซึ่งวัตถุดิบแต่ละตัวก็ดูท่าจะแซ่บไปเสียทุกรายการ
“ไมเคิล โอเว่น” ถือเป็นส่วนผสมที่ถูกจับตามองมากที่สุด ในฐานะ “ทายาทหมายเลข 7” แม้จะถูกประณามหยามเหยียดว่าไร้น้ำยาไปแล้ว แต่เจ้าตัวก็จัดการส่องไปทั้งหมด 4 ดอกใน 7 เกม และแม้จะไม่มีส่วนร่วมในการทำประตูใน 3 เกมหลัง เบบี้โกล์ ก็ยังคงแสดงให้เห็นสัญชาตญาณเพชฌฆาตที่ยังคงมีอยู่เต็มตัว เหลือแค่เติมเต็มความมั่นใจเท่านั้น
“อันโตนิโอ วาเลนเซีย” ถูกออร์เดอร์ทันทีที่ปีกตีนระเบิดโบยบินจากไป จึงถูกโยงไปเปรียบกับน้ำพริกถ้วยเก่าอย่างเลี่ยงไม่ได้ แม้จะไม่ได้มีเทคนิคจัดจ้านรอบตัวเยี่ยงเจ้าของตำแหน่งเดิม แต่เขาก็มีดีพอตัว ทั้งความเร็ว การเปิดบอลที่แม่นยำ และที่สำคัญไม่งอแงเมื่อโดนเตะลงไปจุมพิตกับพื้นสนาม แม้ต้องกดดันภายใต้ร่มเงาใหญ่ แต่เชื่อแน่ว่าปีกสายพันธุ์ใหม่คงทำอย่างที่เคยหล่นวาจาไว้ได้แน่ “ผมไม่ใช่โรนัลโด้ ผมมาเพื่อทำผลงานของตัวเองให้ดีที่สุด”
“แอนเดอร์สัน” เป็นเครื่องปรุงเก่าที่ถูกคาดหวังพอสมควรในการก้าวขึ้นมาบัญชาแดนกลาง แม้จะมีความทุ่มเทเต็มร้อย ลูกบ้าเต็มพิกัด และทีเด็ดที่คิลเลอร์พาส แต่ด้วยวัยที่เพิ่งพ้น 20 มาหมาดๆ จึงยังต้องเพิ่มทั้งประสบการณ์และความสม่ำเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสกิลในการส่องตาข่ายที่สเตตัสมืดบอดมาตลอด 2 ปีเต็ม แต่ก็พอจะเริ่มเห็นแววบ้างแล้วในศึกโซ้ยสลัดโบคา จากการสังหารฟรีคิกแทนเจ้าของสัมปทานคนเก่าที่จากไป
“ริทชี่ เดอ ลาเอ้ต์” ปีใหม่ที่ผ่านมาหลายคนคงสงสัยว่าท่านออกญาเฟอร์กี้ ดึงเด็กหนุ่มวัยขบเผาะที่ไม่เคยลงเล่นให้ “สโต๊ค ซิตี้” ต้นสังกัดเดิมแม้แต่วินาทีเดียวมาทำหอยหลอดอะไร ก่อนจะโผล่หน้ามาให้เห็นอีกทีในวันส่งท้ายฤดูกาล แต่แล้วกองหลังวัย 20 ก็มีโอกาสโชว์ของให้เห็นกลางโต๊ะจีนค้างคาว เมื่อจัดการเก็บตัวรุกกราบซ้ายทายาทแบทแมนจนอยู่หมัด แถมเติมเกมรุกได้สะเด่าหลายต่อหลายจังหวะ แว่วมาว่าเจ้าหนูเบลเยี่ยมรายนี้เล่นได้ทุกตำแหน่งในแนวรับ มีหวัง “เฮียจับฉ่าย” งานเข้าซะแล้ว
“ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์” ทันทีที่ได้เห็นเจ้าของหมายเลขเสื้อ 35 วิ่งโทงๆ กลางโรงละครแห่งความฝัน บรรดาแฟนผีหลายคนได้เกิดคำถามขึ้นในใจพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย “เจ้าหนูนี่เป็นใคร?” บังอาจลงแซงคิว “นานี่” ซะด้วย ไม่แค่นั้นยังได้สิทธิซัดฟรีคิกที่ยังหาเจ้าของสัมปทานคนใหม่ไม่ได้ไปอีก 1 ดอก ก่อนจะมาส่งบอลเข้าไปนอนนิ่งก้นตาข่ายได้ในที่สุด ต่อหน้าต่อตากว่า 74,000 คน คำถามนั้นจึงต้องหาคำตอบ
เจ้าหนูเคลฟเวอร์ลี่ย์ ใกล้จะย่างเข้าวัย 20 ในอีกไม่กี่วัน (12 สิงหาคม 09) ตามโปรไฟล์แล้วเล่นในตำแหน่งกองกลาง แต่สามารถถอยลงไปประจำในแนวรับได้อย่างไม่ขัดเขิน รู้สึกเฮียจับฉายจะงานเข้ารอบสอง เจ้าหนูรายนี้เคยยิงดังซ่า “ลิเวอร์พูล” มาแล้ว แม้จะเป็นชุดเล็กก็ตาม แถมยังเคยสัมผัสซุ้มม้านั่งสำรองทีมชุดใหญ่มาแล้วในศึกลีกคัพเมื่อปีก่อน ในเกมกับ “มิดเดิลสโบรช์” และ “ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส” ก่อนจะถูก “เลสเตอร์ ซิตี้” ยืมไปสร้างผลงาน 15 นัด 2 ประตู หลังกลับคืนมาสู่รั้วปีศาจก็ยังถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลผู้เล่นสำรองยอดเยี่ยมของสโมสรอีกด้วย ก่อนจะเป็น “เจมส์ เชสเตอร์” ที่เข้าวินไป
แต่อย่างไรก็ตาม ดูท่าแล้ว เจ้าหนูเคลฟเวอร์ลี่ย์ ก็คงไม่พ้นต้องออกไปฝึกวิชาจากต่างสำนักอีกเช่นเคย
ลองไล่วัตถุดิบใหม่ๆ ดูแล้ว ไม่แปลกใจเลยที่ ป๋าอเล็กซ์ ยังคงยิ้มอย่างมีความสุขทุกครั้งที่เห็นขุนศึกอสูรผลัดเปลี่ยนกันลงสนาม นี่ขนาดยังไม่นับรวม “เฟเดริโก มาเคด้า” กับ “แดนนี่ เวลเบ็ค” ที่พร้อมปรุงสุกทุกเมื่อ เช่นเดียวกับนักเตะเจ้าเก่าที่มีเครื่องหมายการค้ารับรอง
ว่าแล้วก็น้ำลายสอ แทบจะอดใจรอประเดิม “เมนคอร์ส” จานแรกกับ “เบอร์มิงแฮม” ไม่ไหวซะแล้ว
chokechone11
2001-2024 RED ARMY FANCLUB Official Manchester United Supporters Club of Thailand. #ThaiMUSC